Forex เริ่มก่อน เก่งกว่า
เมื่อทราบและเข้าใจดีแล้วว่าการเทรดคืออะไร การไม่เตรียมตัวจึงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เทรดเดอร์หลายคนล้มเหลวก่อนที่จะเข้าใจว่าการเทรดฟอเร็กซ์ แม้จะมีหนังสือหลายเล่มที่เขียนถึงจิตวิทยาการเทรด เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทางจิตใจของเทรดเดอร์
การ เทรด forex อีกทั้งเทรดเดอร์มือใหม่ในตลาดก็อาจละเลยการศึกษาการเทรด หรืออาจเรียนรู้มาไม่สม่ำเสมอ หรือบางครั้งก็ไม่เลย แต่ก็คิดว่าจะสามารถทำกำไรได้ด้วยการคลิกเมาส์เพียงไม่กี่ครั้ง แต่ตลาดก็ตอบแทนด้วยความผิดหวัง
แต่อีกหนึ่งทางเลือกที่คุณอาจมองข้ามไป คือ การเรียนรู้ตลาดและทดสอบกลยุทธ์ของคุณด้วยบัญชีทดลองเทรด – เพื่อให้เข้าใจตลาดได้ดีขึ้น
การวิเคราะห์คือกุญแจสำคัญ
การวิเคราะห์ไม่ได้เป็นเพียงกุญแจสู่ความสำเร็จในการเทรดเท่านั้น แต่เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้การเทรด Forex ใช้งานได้จริง โดยมีการวิเคราะห์ตลาดหลักๆ 2 อย่าง คือการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิค
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เป็นรูปแบบการตรวจสอบทางการเงินที่พัฒนาขึ้น เฉพาะในขนาดของประเทศหรือในระดับโลก จึงเป็นรูปแบบการคาดการณ์ราคาที่เก่าแก่ที่สุด ที่ใช้การดูองค์ประกอบต่างๆ ของเศรษฐกิจต่างๆ ในระยะปัจจุบันของวัฏจักร เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง การคาดการณ์ในอนาคต และผลกระทบที่เป็นไปได้ในตลาด
และการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน มีจุดประสงค์เพื่อการลงทุนและการซื้อขายระยะยาว จึงเป็นการวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องกับ GDP ของประเทศ อัตราการว่างงาน อัตราดอกเบี้ย ปริมาณการส่งออก สงคราม การเลือกตั้ง ภัยธรรมชาติ และความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ซึ่งสิ่งที่ส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทาน โดยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจำเป็นต้องมีความเข้าใจในเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ และจัดการกับปัจจัยต่างๆ ที่ตลาดยังไม่ได้คำนึงถึง
ข้อดีข้อเสียของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
โดยข้อเสียของการวิเคราะห์ประเภทนี้ คือ องค์ประกอบของความไม่แน่นอนที่ปัจจัยการผลิตจำนวนมากสร้างขึ้น และข้อดีของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน คือ เมื่อดำเนินการอย่างถูกต้อง ก็สามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาพื้นฐานที่สามารถช่วยสร้างผลกำไรในช่วงเวลาที่ยาวนานได้
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
การวิเคราะห์ทางเทคนิค เป็นรูปแบบการวิเคราะห์ตลาดที่เล็กกว่า ซึ่งเกี่ยวข้องกับ 2 ตัวแปรเท่านั้น คือ เวลาและราคา ซึ่งสามารถวัดได้อย่างเคร่งครัด และเป็นข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ทั้งด้วยเหตุนี้สำหรับหลายๆ คน การเทรด Forex จึงสร้างโอกาสได้มากขึ้นในการวิเคราะห์กราฟแทนการวิเคราะห์จากข้อมูลทางเศรษฐกิจ โดยการขึ้นลงของราคาในตลาด Forex เป็นไปตามกลไกเศรษฐกิจ Demand & Supply ประกอบด้วย
1.การปรับอัตราดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐฯ
2.การเติบโตทางเศรษฐกิจ, ดัชนี GDP สหรัฐฯ
3.อัตราการว่างงาน, อัตราเงินเฟ้อ
4.ความกังวลต่อสกุลเงิน US Dollar
5.การประกาศนโยบายเศรษฐกิจ
6.รายงานตัวเลขเศรษฐกิจอื่น ๆ
7.สถานการณ์ทางการเมือง
8.ปัจจัยอื่นๆเช่น โควิด-19, สงครามยูเครน-รัสเซีย
ซึ่งการวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการเทรดทั้งระยะสั้นและระยะยาว และเป็นสิ่งเดียวที่มีสำหรับการทำ Scalping อย่างนักเก็งกำไร ผู้ซึ่งทำกำไรจากความผันผวนรายวันแทนการเทรดตามเทรนด์
Forex เป็นตลาดที่มีความผันผวน และถูกพิจารณาว่าเป็นตลาดที่มีความเสี่ยงสูงมาก
- ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา
การเปลี่ยนของราคาในตลาดนี้ค่อนข้างมีความอ่อนไหว และมีความผันผวนในระดับสูง
ซึ่งเป็นไปตามกลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ อุปสงค์และอุปทาน
การขึ้นลงของราคาในแต่ละวัน “สามารถสูงถึงระดับพันจุด” ตามการนับทศนิยม 5 ตำแหน่ง
- ความเสี่ยงจากเครื่องมือ Leverage
Forex เป็นตลาดที่เข้าถึงเครื่อง Leverage, โบรกเกอร์บางแห่งสามารถใช้ตัวคูณที่สูงถึงระดับ 1000 เท่า
ส่งผลให้ความสามารถในการ Overtrade บนตลาดนี้มีสูงกว่าตลาดทั่วไป
การใช้งานเครื่องมือ Leverage สามารถส่งผลให้เกิดการขาดทุนที่สูงกว่าปกติ
จากประเด็นดังกล่าวจึงสรุปได้ว่า “ความสามารถในการก่อความเสี่ยงบนตลาด Forex มีสูงกว่าตลาดอื่นหลายเท่าตัว”
โปรดทราบว่าความเสี่ยงจากการใช้งาน Leverage เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องศึกษา และทำความเข้าใจอย่างรอบคอบ
ข้อดีข้อเสียของการวิเคราะห์ทางเทคนิค
การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณอย่างแม่นยำตามตลาด มีข้อเสียคืออาจส่งผลกระทบต่อตลาดไปแล้ว ในการเชื่อถือผลลัพธ์ของการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งมีแนวคิดที่ว่าการก่อตัวของราคาในอดีตอาจส่งผลต่อการก่อตัวของราคาในอนาคต โดยอาจเป็นเรื่องที่อาจดูไร้สาระสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
โดยสรุปก็คือ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคือนักสืบทางเศรษฐกิจที่มีอาศัยองค์ประกอบของการคาดการณ์ในอนาคต ในขณะที่การวิเคราะห์ทางเทคนิคคือการมองภาพรวมด้านราคา สถิติ และเวลาที่มองเห็นได้